Skip to content
Clémentin de Pape Clément Pessac-Leognan นับได้ว่าเป็นไวน์แดงยอดนิยมที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 อย่าง Clémentin de Pape Clément ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์แดงอย่าง Pessac-Leognan ซึ่งสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีก็จะสามารถเดินทางมายังใจกลางเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อน อันเนื่องจากทางผู้ผลิตนั้นได้มีการนำองุ่นมากถึงสองสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้ โดยสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้นั้นทางผู้ผลิตได้มีการเลือกนำเอาองุ่นสายพันธุ์ Merlot 70% และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 30% มาใช้ในการผลิต โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะต้องผ่านการเลือกสรรเอาเพียงแค่องุ่นที่มีคุณภาพที่สุดมาใช้ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างแตกต่างจากไวน์ชนิดอื่น ด้วยการนำเทคนิค Gravity Flow หรือการอาศัยแรงโน้มถ่วงมาใช้ในการผลิตไวน์นี้ด้วย ซึ่งจะใช้เทคนิคนี้เพื่อให้ไวน์นั้นกระจายตัวทุกองค์ประกอบกันได้อย่างดี นอกเหนือจากนี้ก็ได้มีการเพิ่มกระบวนการผลิตด้วยการปรับลดอุณหภูมิลงให้เหลือเพียงแค่ประมาณ 8 องศาเซลเซียสพร้อมทั้งบ่มองุ่นให้เนื้อผิวยุ่ยเป็นเวลายาวนานกว่า 30-35 วันก่อนที่จะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กเป็นเวลายาวนานกว่า 16 เดือนและนำไปบรรจุลงในขวดไวน์ต่อไป
โดยไวน์ชนิดนี้ที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดแก่นักดื่มหลากหลายท่านอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกทั้งรสชาติ รูปร่าง กลิ่นและเนื้อสัมผัสของไวน์ก็ดูดีอย่างมาก โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ที่เป็นไวน์แดงที่มีสีแดงเข้มสมกันกับเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยม บวกกันกับกลิ่นและรสชาติของไวน์ก็มีเอกลักษณ์จากใบยาสูบ และลูกพีทขาวที่มาในช่วงแรกด้วยความเข้มข้นอย่างดี หลังจากนั้นกลิ่นและรสชาติของผลส้ม รังผึ้งและผลไม้เมืองร้อนหลากหลายชนิดก็ได้เข้ามาแทรก ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีมนต์เสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความสมดุลในเนื้อสัมผัสเป็นอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและชวนให้น่าลิ้มลองไวน์นี้เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของไวน์ที่เกิดมาจากผลไม้เมืองร้อน ผลส้ม และใบยาสูบ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์นี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12-14% อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีอายุของไวน์นั้นที่ประมาณ10-15 ปีและควรเก็บรักษาไวน์ชนิดนี้ที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ และข้อแนะนำที่สำคัญคือก่อนรับประทานไวน์ชนิดนี้ นักดื่มควรที่จะนำไวน์ชนิดนี้ออกมาจากที่แช่ก่อนประมาณ 2-4 ชั่วโมงเพื่อทำให้เนื้อสัมผัสของไวน์มีความนุ่มนวล บางเบา และมีกลิ่นของไวน์ที่หอมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Clémentin de Pape Clément Pessac-Leognan
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Vin de Bourgogne Macon Axe นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งและเป็นไวน์ขาวที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาหรือมีการผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Vin de Bourgogne ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแนวหน้าของทวีปยุโรป รวมทั้งยังมีถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ทางด้านตอนใต้ของเมือง Bourgogne ในประเทศฝรั่งเศส โดยหมู่บ้านที่เป็นแหล่งการผลิตนั้นมีชื่อหมู่บ้านว่า Macon Axe Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อุดมไปด้วยสูตรเก่าแก่มากมาย
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตอย่าง Chardonnay แท้ 100% โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรมาใช้นั้นจะต้องมีการเพาะปลูกอยู่ในแทบเนินเขาอย่าง Maconnais ซึ่งเป็นเนินเขาในประเทศฝรั่งเศสที่มีการตั้งแนวเขาตามแนวแกนและมีการถูกแบ่งแยกรอยต่อของภูเขา จึงทำให้เหล่าเถาวัลย์สามารถแทรกไปที่เนินเขาจึงทำให้ดินอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างดี รวมทั้งเนินเขานี้ยังมีองค์ประกอบของปูนขาวจึงทำให้องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay นั้นเติบโตได้ดี อีกทั้งสถานที่แห่งนี้จะมีดินที่เป็นดินทรายผสมกับดินเหนียวที่ละเอียดอย่างดีอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีขาวสวยงามที่ผสานกันกับสีเหลืองทองใสสว่างสมกับเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยม ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีความเคลือบขอบรอบผิวสัมผัสเป็นสีเหลืองเขียวอีกด้วย อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ทั้งในส่วนของกลิ่นและรสชาติของผลไม้กับดอกไม้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบขาว ดอกอคาเซีย เฟิร์น สมุนไพรสายพันธุ์อเมริกันที่มีชื่อเรียกว่า Verbena ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มแมนดาริน องุ่น ผลส้มเขียวหวานและดอกไม้บานอีกหลายชนิด ซึ่งทำให้ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความแห้งของเนื้อสัมผัสและความกลมกล่อมในตัวอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความโดดเด่นทั้งดอกไม้และผลไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นส้มแมนดาริน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มเขียวหวาน องุ่น ดอกอคาเซีย และเฟิร์น ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการคู่กับอาหารทานเล่น เช่น ขนมปัง มะกอก ถั่ว หรือสามารถนำไปดื่มควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของปลาได้อีกด้วยเช่นกัน
Vin de Bourgogne Macon Axe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château La Couspaude Saint-Émilion นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกผลิตและถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงในแถบทวีปยุโรปและมีตำนานการผลิตไวน์มาอย่างยาวนานนับกว่าศตวรรษและมีที่ดินในการเพาะปลูกองุ่นมากกว่า 7 เฮกตาร์หรือประมาณ 17 เอเคอร์อย่าง Château La Couspaude ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่มีความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เป็นอย่างมากในทวีปยุโรป โดยบริษัทไวน์แห่งนี้ตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Saint-Emilion Grand Cru ที่สังกัดอยู่ในเมือง Saint-Emilion ของเมือง Libournais ของภูมิภาค Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีการใช้สูตรต้นตำรับของชาว Bordeaux และสถานที่เพาะปลูกไวน์ที่มีการสืบทอดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 300 ปีด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่าหาได้ยากมากในวงการการผลิตไวน์ โดยทางผู้ผลิตนั้นได้มีการนำองุ่นมาใช้เป็นการใช้วัตถุดิบแบบผสมหรือ Bordeaux Blended Grapes ที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์การผลิตไวน์ที่มีมักจะนำองุ่นมากถึงห้าสายพันธุ์ด้วยกันมาใช้ในการผลิตไวน์ โดยองุ่นที่นำมาใช้นั้น ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้องุ่นสายพันธุ์ดังต่อไปนี้ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Malbec, Merlot และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยทางผู้ผลิตจะเลือกสรรองุ่นพันธุ์ดีมาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่แท้ 100% เป็นเวลายาวนานกว่า 18-20 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง เริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นเป็นสีแดงที่ค่อนข้างเข้มอย่างยิ่ง เนื่องด้วยกลิ่นและรสชาติของไวน์ชนิดนี้จะอุดมไปด้วยผลไม้สีดำเข้มที่ค่อนข้างมาก รวมทั้งยังมีองค์ประกอบอื่นๆผสมผสานกันมาอย่างดีอีกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ ผลราสเบอร์รี่ ดอกกุหลาบจางๆ ผลเชอร์รี่ ชะเอมเทศและโกโก้ ซึ่งนับได้ว่ามีความชัดเจนในแต่ละส่วนอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างชัดเจน กลมกล่อม รวมทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มปากเต็มคำได้อย่างดีมากอีกด้วย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมากนักสำหรับไวน์ทั่วไป
Château La Couspaude Saint-Émilion
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Balestard La Tonnelle St. Emilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีคะแนนการประเมินจากนักดื่มไวน์ทั่วโลกว่าเป็นไวน์ยอดเยี่ยมและมีการถูกสร้างสรรค์หรือการผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงมานานนับหลายปีอย่าง Vignobles Capdemourlin ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในทวีปยุโรป โดยบริษัทไวน์แห่งนี้ตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Saint-Emilion Grand Cru ที่สังกัดอยู่ในเมือง Saint-Emilion ของเมือง Libournais ของภูมิภาค Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมากมายหลากหลายสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยอัตราส่วนการผลิตในแต่ละปีก็จะมีความแตกต่างอยู่ด้วยเช่นกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตนั้นได้มีการเลือกสรรและนำมาใช้นั้นมีทั้งหมดห้าสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Malbec และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยองุ่นทั้งห้าสายพันธุ์มาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่กว่า 50% เป็นเวลายาวนานกว่า 15-18 เดือนด้วยกัน ด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบสูตรดั้งเดิมต้นตำรับตามวิธีการผลิตของชาว Bordeaux
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าดึงดูดตาและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยลักษณะของสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นี้ที่ค่อนข้างมีความเข้มข้นอย่างยอดเยี่ยม มีสีที่ค่อนข้างเป็นแดงเข้มอย่างชัดเจน รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างสดชื่น มีชีวิตชีวาและมีความเบาบางนุ่มนวลอย่างยิ่ง ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่ความหวานเฉพาะตัวที่มาจากผลไม้สีแดงหลากหลายชนิดที่ผสานกันกับความเข้มข้นของชะเอมเทศและผงโกโก้
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติทีค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งความหวานและความเข้มข้นในส่วนของกลิ่นและรสชาติกันได้อย่างลงตัว เป็นไวน์ที่มีครบรสทั้งความหวาน เข้มข้น สดชื่น มีชีวิตชีวาและความเบาบางนุ่มนวล ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์นี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อเป็ดหรือเนื้อไก่ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14-15% เพียงเท่านั้น
Chateau Balestard La Tonnelle St. Emilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Rouget Pomerol นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาจากแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแนวหน้าของทวีปยุโรปอย่าง Chateau Rouget ที่มีความสามารถในการผลิตไวน์อย่างมากและมีพื้นที่ในการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์มากถึง 17 เฮกตาร์หรือมากถึง 42 เอเคอร์ด้วยกัน นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ครบวงจร โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Pomerol ซึ่งเป็นเมืองที่มีเครดิตความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากในการผลิตไวน์แดง ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตการปกตรอง Bordeaux ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร เนื่องจากมีการนำองุ่นเพียงแค่ชนิดเดียวมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot แท้ 100% ซึ่งทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากไร่ของตนมาใช้ในการผลิตเท่านั้น เพื่อที่เขาจะควบคุมคุณภาพของผลองุ่นทุกลูกให้ดีที่สุด แล้วหลังจากนั้นทางผู้ผลิตจึงได้มีการเพิ่มลูกเล่นให้กับไวน์นี้ด้วยการนำองุ่นทั้งหมดไปหมัก โดยแบ่งเป็นทั้งหมดสองส่วนด้วยกัน โดยส่วนน้อยที่มีเพียงแค่ 35%. ทางผู้ผลิตจะนำไปหมักไวน์ด้วยการ Micro-Vinification Technique เพื่อทำให้ไวน์เพียงแค่จำนวนครั้งละน้อยๆ เพื่อให้รสชาติเกิดความพิเศษและเท่าเทียมกันแทนการหมักลงไปทั้งหมดภายในครั้งเดียว แล้วในส่วนของกลุ่มที่เหลือนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการนำไปหมักลงในถังไม้บาร์เรลแบบถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่เป็นเวลาเฉลี่ยยาวนานกว่า 15-18 เดือน ก่อนที่จะนำทั้งสองส่วนมารวมกันและนำไปบรรจุลงในขวดไวน์
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ในทุกด้าน ไม่ใช่เพียงแค่กรรมวิธีการผลิตเท่านั้น แต่ว่าลักษณะกับรูปร่างภายนอกก็น่าดึงดูดไม่แพ้กัน โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นจะออกไปทางสีแดงเข้มที่แสดงถึงความเข้มข้นขององค์ประกอบของไวน์ บวกกันกับกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้ ผลไม้ป่าสีดำหลากหลายชนิด รวมทั้งชะเอมเทศที่แตะจมูกและถ่ายทอดรสสัมผัสแก่ผู้ดื่มได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้นับได้ว่ามีความเข้มข้น บางเบา นุ่มนวล สดชื่น มีชีวิตชีวาและมีความสมดุลกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมเป้นอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ13.5%
Chateau Rouget Pomerol
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Labegorce Margaux นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่าง Chateau Labegorce ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์อย่าง Margaux ของเมือง Bordeaux ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตไวน์ที่สำคัญเป็นระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นคฤหาสน์ที่ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์อีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนและพิถีพิถันอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนแรกที่มีการเลือกและคัดสรรองุ่นมากถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตนั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot, Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยปริมาณและอัตราส่วนที่นำมาใช้ในการผลิตในแต่ละปีจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งทางผู้ผลิตนั้นจะมีการนำองุ่นทั้งหมดมาใช้ในการผลิตไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบเยี่ยมที่ค่อนข้างใหม่เกือบ 50% ด้วยกัน ไปหมักเป็นเวลายาวนานกว่า 15 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างดียิ่ง โดยเริ่มแรกนั้น สีของเนื้อสัมผัสนั้นงดงามอย่างมาก เป็นไวน์ที่มีสีแดงเข้มสวยงามอย่างยิ่ง ซึ่งไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่สีของเนื้อสัมผัสเท่านั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นอย่างมาก มีทั้งกลิ่นและรสชาติของดอกไม้นานาชนิด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อยู่มาก มีทั้งเบอร์รี่สีดำ บลูเบอร์รี่ ช็อกโกแลต ผลเชอร์รี่ เมล็ดกาแฟและลูกพลัมสุก ซึ่งนับได้ว่ามีความชัดเจนและมีความสดชื่น ความเปรี้ยวจากสารแทนนินและความเบาบางได้อย่างดีอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง มีทั้งกลิ่นและรสชาติของดอกไม้ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช็อกโกแลต สารแทนนิน เชอร์รี่ ช็อกโกแลตและลูกพลัมสุก ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5-14.5% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับไวน์ทั่วไป
Chateau Labegorce Margaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Bahans Haut-Brion 1998 นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่าง Château Bahans Haut-Brion ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Pessac-Léognan ที่อยู่ทางด้านตอนใต้ของเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตไวน์ที่สำคัญเป็นระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นคฤหาสน์ที่ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์อีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมากถึงห้าชนิดด้วยกันมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตตามหลักการผลิตไวน์แดงของ Bordeaux ซึ่งองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกสรรมาใช้ก็คือ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Petit Verdot และองุ่นสายพันธุ์ Malbec ซึ่งปริมาณและอัตราส่วนขององุ่นที่นำมาใช้นั้นก็จะค่อนข้างแตกต่างกันตามปีที่มีการผลิต โดยทางผู้ผลิตนั้นก็จะนำองุ่นทั้งหมดนั้นไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสตามสูตรต้นตำรับที่มีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นของชาวพื้นเมือง
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ทางด้านรูปลักษณ์ภายนอกและความประทับใจจากกลิ่นและรสชาติอย่างยอดเยี่ยม ด้วยตัวเนื้อสัมผัสของไวน์นี้เป็นไวน์แดงที่มีแดงเข้มราวกับสีของอิฐผสานกันกับสีของโกเมน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายและรสสัมผัสของครีมและผลบลูเบอร์รี่ที่ผสานกับกลิ่นและรสชาติของผลเบอร์รี่สีดำ ซึ่งนับได้ว่าสวยงามเป็นอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงสวยงาม มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมจากครีม บลูเบอร์รี่และผลเบอร์รี่สีดำ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ13-14.5% อีกด้วยเช่นกัน
Château Bahans Haut-Brion 1998
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Ornellaia Bolgheri Superiore นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญมากที่สุดในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบบริเวณยุโรปอย่าง Ornellaia ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอย่างดินแดนที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์สัญชาติยุโรปอย่าง Bolgheri ในชายหาด Tuscan ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง Livorno ของประเทศอิตาลี
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมากมายหลายชนิดมาใช้ในกระบวนการผลิตในครั้งนี้ โดยสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้จะมีอยู่ทั้งหมดสี่สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 53%, Merlot 23%, Cabernet Franc 17% และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot 7% โดยทางผู้ผลิตจะมีการนำองุ่นทุกสายพันธุ์ที่ผ่านการเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้นมาหมักลงในถังไม้โอ๊กอย่างดี
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างโดดเด่นและมีความยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเข้มข้นราวกับเป็นสีแดงทับทิม รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของผลไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นของผลเบอร์รี่สีดำและบลูเบอร์รี่ที่เข้มข้นและผสานตัวกันกับกลิ่นของเครื่องเทศอีกด้วยเช่นกัน นอกแหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออย่างยิ่ง โดยเฉพาะรสชาติของความเปรี้ยวจากสารแทนินที่ดีด้วยเช่นกัน
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยกลิ่นและรสสัมผัสของผลเบอร์รีสีดำและผลบลูเบอร์รี่อีกด้วย ซึ่งยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีคุณสมบัติอย่างยิ่งในการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เครื่องในสัตว์ เนื้อกวางและอาหารจานเดียวอย่างพาสต้า นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5-15% อีกด้วยเช่นกัน
Ornellaia Bolgheri Superiore
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Dominus Estate Napa Valley นับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในแถบทวีปอเมริกาเหนือที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาและผลิตขึ้นด้วยฝีมือคุณภาพจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Dominus Estate ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ชุมชนที่มีการกล่าวเลื่องลือในเรื่องความสามารถในการผลิตไวน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่าง Napa Valley ซึ่งสังกัดในเขตการปกครอง Napa ที่อยู่ทางด้านชายหาดตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ที่มีนามเดียวกันที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นที่แตกต่างกันมาใช้ในการผลิตที่เป็นชนิดเดียวกัน แต่จะมีการใช้อัตราส่วนที่แตกต่างกันเล็กน้อยตามแล้วแต่ปีที่ผลิต ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตหลักนั้นจะมีการใช้เพียงแค่สามสายพันธุ์เท่านั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot เท่านั้น ซึ่งองุ่นทุกสายพันธุ์จะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนตุลาคมเท่านั้น เพื่อที่จะได้องุ่นที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด หลังจากที่ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกองุ่นแล้วนำไปบ่มในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นไวน์แดงที่มีความเข้มข้นและมีโครงสร้างที่ยอดเยี่ยมอย่างดียิ่งอีกด้วย ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ความเข้มข้นอย่างยิ่ง เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่โดดเด่นของผลเบอร์รี่หลากหลายชนิด รวมทั้งยังมีกลิ่นที่คล้ายคลึงกับขนมทรัฟเฟิลอีกด้วย รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสสัมผัสของดอกลาเวนเดอร์ สารแทนนินที่ค่อนข้างเปรี้ยวและดาร์กช็อกโกแลต
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัย อันเนื่องมาจากเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของผลเบอร์รี่หลากหลายชนิด ขนมทรัฟเฟิล ดาร์กช็อกโกแลต สารแทนนินหรือดอกลาเวนเดอร์อีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-15% อีกด้วย
Dominus Estate Napa Valley
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในแถบดินแดนของทวีปยุโรปอย่าง Domaine Leflaive ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Puligny-Montrachet ของเมือง Cote de Beaune ในภูมิภาค Burgundy ของประเทศฝรั่งเศส
โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้มีการใช้พื้นที่ขนาดเล็กอย่าง Bienvenues-Batard-Montrachet มาใช้ในการผลิต โดยพื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่ทางด้านปลายเขาฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขา Montrachet ซึ่งสถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่นที่มีสภาพอากาศสมบูรณ์และเหมาะสมกับการทำไวน์ขาวอย่างยิ่ง โดยทางผู้ผลิตได้มีการคัดสรรองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่เอามาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay ที่นิยมระดับโลกในการทำไวน์ขาวและนำองุ่นทั้งหมดไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบเยี่ยม
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่งดงามน่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้ที่มีความเข้มข้นและซับซ้อนในเนื้อสัมผัส รวมทั้งมีความมันของเนยเล็กน้อยก็ยิ่งทำให้ไวน์ชนิดนี้มีมนต์เสน่ห์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความทรงพลังในส่วนของกลิ่นและรสชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็นกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยผลไม้สุกมากมายหลากหลายชนิดด้วยกัน โดยเฉพาะกลิ่นของต้นโอ๊กที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นและรสสัมผัสของสมุนไพรที่ค่อนข้างเจือจางอีกด้วยเช่นกัน จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเบาบางขึ้น ไม่เข้มข้นมากเหมือนเดิมอีกต่อไป
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อมและน่าลิ้มลองอย่างยิ่ง ทั้งส่วนของรสชาติและกลิ่นของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากผลไม้สุกหลากหลายชนิดที่ผสานตัวกันกับกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊ก สมุนไพร และเครื่องเทศบางชนิดอีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อไก่ โดยเฉพาะกับไก่งวงจะมีรสชาติยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14% เพียงเท่านั้น
Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Posts navigation
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!