All posts by admin
Don Julio Reposado
Don Julio Reposado
Don Julio Reposado นับได้ว่าเป็นเหล้าเตกีล่าที่มีการผลิตขึ้นมาจากแบรนด์เหล้าและบริษัทผลิตเหล้าเตกีล่าอย่าง Don Julio ซึ่งนับได้ว่าเป็นแบรนด์เหล้าที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งของประเทศเม็กซิโก โดยแบรนด์เหล้าเตกีล่าชนิดนี้มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตมาจากเมือง Jalisco ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตเหล้าเตกีล่าเป็นระดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
โดยเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีการผลิตขึ้นมาโดยการใช้ดอกโคมเป็นวัตถุดิบหลักเพียงอย่างเดียว 100% เลยทีเดียว ซึ่งดอกโคมอาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากในประเทศไทยและแทบเอเชีย แต่ว่าดอกโคมเป็นพืชที่มีการปลูกอย่างแพร่ในแถบอเมริกาใต้ โดยวัตถุดิบนี้จะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสีขาวพันธุ์ดีจากอเมริกัน หรือสามารถเรียกอีกอย่างว่าถังหมักเหล้าเบอร์บอนเก่าเป็นเวลายาวนานกว่า 8 เดือน
ซึ่งเหล้าเตกีล่าชนิดนี้เป็นเหล้าเตกีล่าที่มีสีของเหล้าเป็นสีทองสวยงามราวกับสีของอำพัน รวมทั้งยังมีกลิ่นของเหล้าเตกีล่าที่เต็มไปด้วยวานิลลา ต้นโอ๊ก คาราเมล พริกไทยและอบเชย นอกเหนือจากนี้เหล้าเตกีล่านี้ยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติของที่ไม่แตกต่างจากกลิ่นมากนัก โดยเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติของวานิลลา คาราเมล ต้นโอ๊ก พริกไทยดำ และเนยผสมกันอย่างลงตัว
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติและกลิ่นอายของความร่วมสมัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าเหล้าชนิดนี้ผสมกับวัตถุดิบชนิดอื่นก็ยิ่งช่วยเสริมรสชาติและกลิ่นให้แตกต่างและดียิ่งขึ้นไปอีก เช่น การผสมรวมกับน้ำองุ่น โซดากลิ่นมะนาวและเลม่อน หรือการผสมกับน้ำเปล่าและน้ำแข็งให้เป็นการดื่มแบบ On the rock ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน นอกเหนือจากนี้เหล้าเตกีล่าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 35% ซึ่งนับว่าไม่สูงมากนัก
Don Julio Reposado
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Perrier-Jouët Belle Epoque
Perrier-Jouët Belle Epoque
Perrier-Jouët Belle Epoque นับได้ว่าเป็นแชมเปญที่มีชื่อเสียงระดับโลก อันเนื่องมาจากความอร่อยและเอกลักษณ์จากบรรจุภัณฑ์ที่งดงาม โดยเหล้าแชมเปญนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยบริษัทและแบรนด์เหล้าแชมเปญที่มีชื่อเสียงอย่าง Perrier-Jouët ที่มีผลงานการสร้างเหล้าแชมเปญที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายรุ่นตราบจนถึงปัจจุบัน
โดยเหล้าแชมเปญชนิดนี้เป็นเหล้าแชมเปญที่เกิดจากการหมักขององุ่นทั้งสามสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay 50%, Pinot Nir 45% และองุ่นสายพันธุ์ Meunier 5% ซึ่งองุ่นทุกสายพันธุ์นั้นจะต้องเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาว โดยแหล่งที่เพาะปลูกองุ่นนั้นก็จะใช้แทบทุกสถานที่ในประเทศฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้
ซึ่งเหล้าแชมเปญชนิดนี้เป็นเหล้าแชมเปญที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีทองสว่าง ออกไปทางสีที่ออกไปทางสีขาวนวลเล็กน้อย รวมทั้งยังเป็นเหล้าแชมเปญที่มีฟองล้อมรอบผิวหน้าของเหล้าหรือที่ใครหลายคนรู้จักกันว่าเป็นเหล้าแบบ Sparkling ที่มีรสชาติและกลิ่นที่เต็มไปด้วยผลไม้สด ดอกไม้สีขาวนานาชนิดและน้ำผึ้งที่ช่วยส่งให้เหล้านี้มีความหวานทั้งรสชาติและกลิ่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในภาพรวมนับได้ว่าเป็นเหล้าแชมเปญที่มีกลิ่นอายและรสสัมผัสที่หวานหอม เต็มไปด้วยผลไม้สดและดอกไม้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารจำพวกเนื้อหมู เนื้อปลาเช่นปลาแซลม่อนและปลาทูน่า รวมทั้งยังเป็นสัตว์ทะเลมีเปลือก เช่นกุ้ง หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของชีสก็เหมาะเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เหล้าแชมเปญชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีอายุของเหล้าประมาณ 6 ปี และควรที่จะเก็บรักษาเหล้าไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 12 องศาเซลเซียสและมีปริมาณของระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12-12.5%
Perrier-Jouët Belle Epoque
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Château Latour-Martillac Red Wine
Château Latour-Martillac Red Wine
Château Latour-Martillac Red Wine เป็นไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยแบรนด์และบริษัทไวน์ชื่อดังอย่าง Château Latour-Martillac โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีการถูกผลิตขึ้นมาจากโรงกลั่นไวน์ในPassac-Leognan เมือง Bodeaux ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่แห่งนี้นับได้วาเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์หลากหลายชนิด โดยเฉพาะไวน์ที่มีการใช้องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon เป็นส่วนผสมหลัก
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสามสายพันธุ์มาเป็นวัตถุดิบหลักในกรรมวิธีการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 66%, Merlot 27% และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot 7% โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์จะต้องมีการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนจนถึงกลางเดือนตุลาคมเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ องุ่นทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้จะต้องมีการนำมาหมักลงในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสใบใหม่เป็นเวลายาวนานกว่า 12 เดือน
ซึ่งไวน์แดงชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างหวานและเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกลิ่นที่หวานนั้นมาจากส้มสายน้ำผึ้งและความเปรี้ยวนั้นมาจากผลส้มไซตรัส และรสชาติของไวน์ก็นับได้ว่าค่อนข้างหวานเลยทีเดียว เป็นความหวานที่มาจากรสสัมผัสของน้ำผลไม้ น้ำองุ่น ส้มและเปลือกเลม่อน
ในภาพรวมนับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีเอกลักษณ์ที่ความสดใหม่ ทั้งหวานและเปรี้ยวอันเนื่องมาจากผลส้มไซตรัส ส้มสายน้ำผึงและเลม่อน ซึ่งไวน์จะมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้นเมื่อมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป โดยไวน์ชนิดนี้เหมาะกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัว เห็ด พาสต้า เนื้อกวาง เนื้อเป็ด ไก่ย่างและไก่รมควัน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14.7% และควรเก็บรักษาไวน์นี้ไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 61-64 องศาฟาเรนไฮต์
Château Latour-Martillac Red Wine
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Piccini 1882
Piccini 1882
Piccini 1882 นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวหายากที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ขาวชื่อดังอย่างTenute Piccini ซึ่งเป็นไวน์ขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้ผลิตไวน์ขาว Tuscan ของประเทศอิตาลี ซึ่งได้มีการสืบทอดความรู้และวัฒนธรรมในการผลิตไวน์ขาวจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของชุมชน โดยสถานที่นี้ได้ถูกสร้างและก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882
ไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยการผสมผสานระหว่างกรรมวิธีชั้นยอดของประเทศอิตาลี กับความสดใหม่ขององุ่นทั้งสองสายพันธุ์ที่สำคัญในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Glera 75% และองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay 25% ซึ่งนับได้ว่าเป็นองุ่นที่ค่อนข้างหายากอยู่พอสมควร
โดยไวน์ขาวชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวที่มีฟองสวยงาม หรือเรียกว่าเป็นไวน์ขาวแบบ Sparkling ซึ่งเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีทองนวลหรือสีทองจาง ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างชัดเจนและมีฟองสบู่เล็กๆเคลื่อนที่รอบพื้นผิวไวน์ขาวอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ขาวชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่เต็มไปด้วยผลแอปเปิลเขียวที่สุกพอดี ผสานกลิ่นกันกับกลิ่นของเปลือกเลม่อนและกลิ่นของดอกส้มสายน้ำผึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่ค่อนข้างแห้งแต่ไม่ได้แห้งมากจนเกินไป มีทั้งความเปรี้ยวของผลเลม่อนที่ผสานกันกับความวหานจากน้ำผึ้ง แอปเปิลดอกไม้ที่ค่อนข้างแก่นิดๆ
ในภาพรวมนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมและซับซ้อนแต่ก็มีความแห้งที่พอดิบพอดี ซึ่งคุ้มค่าเหมาะแก่การซื้อไว้ดื่มที่บ้านกับคนที่รัก นอกจากนี้ไวน์ขาวชนิดนี้ยังเป็นไวน์ขาวหายากที่เหมาะกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารทะเล โดยเฉพาะปูและกุ้งลอบสเตอร์ ซึ่งไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ขาวที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 11%
Piccini 1882
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Penfolds Yattarna Chardonnay
Penfolds Yattarna Chardonnay
Penfolds Yattarna Chardonnay เป็นไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังจากประเทศออสเตรเลียอย่าง Penfolds โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตในบริเวณหมู่บ้านชื่อดังอย่าง Adelaide Hills ในแถบภูเขา Mount Lofty Ranges ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ขาวที่มีการใช้องุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวในการเป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิตไวน์ชนิดนี้ โดยไวน์ที่มีการเลือกใช้องุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับทำไวน์ขาวอย่างสายพันธุ์ Chardonnay ซึ่งเป็นองุ่นไม่กี่สายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิตไวน์ขาว ซึ่งองุ่นชนิดนี้เป็นองุ่นที่มีการเพาะปลูกขึ้นในบริเวณไร่องุ่นของเมือง Tasmania, Tumbarumba และ Adelaide Hills ในบริเวณทางใต้ของประเทศออสเตรเลีย และต้องอาศัยสภาพอากาศที่หนาวเย็น นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีการนำไปหมักในถังไม้โอ๊กพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานกว่า 8 เดือน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ขาวที่มีสีขาวแบบสีของฟางข้าว ค่อนข้างออกไปทางสีขาวนวลและเขียวมะนาวแบบจางๆ ไม่เข้มมาก นอกจากนี้ไวน์ขาวชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่เน้นไปทางค่อนข้างเปรี้ยวเล็กน้อยมาจากผลมะนาว ใบมะนาวและมีกลิ่นของโยเกิร์ตกรีกและยีสต์เล็กน้อยอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติของมะนาวและขนุนด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเปรี้ยวและความหวานอย่างลงตัวกันอย่างสมดุล
ในภาพรวมนับได้ว่าเป็นไวน์ขาวที่แนะนำให้ควรลิ้มลองอย่างยิ่ง มีทั้งกลิ่นอายและรสสัมผัสที่มีทั้งความหวานและความเปรี้ยว โดยมีมะนาวเป็นตัวนำ และครีมกับขนุนตามมา ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อหมู เนื้อปลาอย่างเนื้อปลาแซลม่อน เนื้อปลาทูน่า อาหารมังสวิรัติและเนื้อสัตว์ปีก รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13%
Penfolds Yattarna Chardonnay
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Jack Daniel’s Master Distiller Series No. 3
Jack Daniel’s Master Distiller Series No. 3
Jack Daniel’s Master Distiller Series No. 3 เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ผลิตเหล้าวิสกี้ชื่อดังและมีผลิตภัณฑ์มากมายที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Jack Daniel’s ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมือง Tennessee เมืองที่มีชื่อเสียงของการผลิตเหล้าเบอร์บอนระดับต้นๆของโลก ที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ลำดับที่ 6 จากซีรีย์ชุดเหล้าของ Master Distiller ซึ่งได้มีการตั้งชื่อของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้จากบุคคลผู้สำคัญและผู้บุกเบิกจนได้ชื่อว่าเป็น Master Distiller ตามชื่อของเหล้าวิสกี้นี้ ซึ่งจะมีจำนวนทั้งหมด 7 คนด้วยกันโดยเหล้าวิสกี้นี้เป็นเหล้าที่กล่าวถึงบุคคลลำดับที่ 6 นั่นก็คือ Lemuel ‘Lem’ Tolley ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุการทำงานและอยู่ในหน้าที่มายาวนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1941-1964
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างจะเบาบางและนุ่มนวลอย่างมาก แถมยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นที่หวานหอม มีทั้งกลิ่นอายของเครื่องเทศแห้งและถั่วคลุกน้ำมัน รวมทั้งยังมีกลิ่นของการรมควันจางๆด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติที่ค่อนข้างนุ่มละมุนและเบาบางดังเช่นกลิ่นที่ได้รับมา โดยเหล้านี้เป็นเหล้าที่มีรสสัมผัสของมิลค์เชกกล้วย ถั่วหลากหลายชนิด คาราเมลและครีม
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นอายและรสชาติของความหวาน ความนุ่มนวลและความละมุนทั้งมาจากขนมซีเรียลและข้าวโอ๊ตที่ผ่านการเผามาอย่างดี นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 43% ด้วยเช่นกัน










